เคยสงสัยกันไหมครับว่าไอ้นักดนตรีคนที่เราเคยเห็นเล่นกันตามร้านอาหาร ทำไมพอไปอยู่ในงานอีเว้นหรืองานแต่งงานราคาจึงสูงขึ้น เดี๋ยววันนี้เราจะมาแจกแจงเป็นข้อให้ได้ทราบกันครับ

ลางานประจำ

อย่างที่ได้กล่าวมาตั้งแต่ข้างต้น ว่าวงดนตรีพวกนี้จะมีงานประจำกันอยู่แล้วตามร้าน และสาเหตุหลักเลยนั่นก็คือการลาเรทราคาจากงานประจำเพื่อมาเล่นงาน Event หรืองานแต่งงาน ถ้าหาก นักดนตรีที่เล่นตามร้านไม่คุ้มกับการลามาเล่นเป็นนักดนตรีงานแต่งงาน ก็คงจะไม่มีใคร อยากจะลางานเพื่อเสียเครดิต จากทางร้านมาเล่นงานแต่งงาน ให้กับงานที่ไม่คุ้มค่า เพราะฉะนั้นประเด็นนี้จึงถือว่าเป็นประเด็นหลักเลยทีเดียว

การแต่งกาย

แน่นอนว่า การเล่นดนตรีงานแต่งงานหรืองาน Event นั้น จะมี Theme ของงานซึ่งสไตล์ชุดของนักดนตรีจะแตกต่างออกไปโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นสไตล์ เรียบหรูดูแพง และแน่นอนว่าชุดพวกนั้นจะมีราคาที่สูงกว่า ชุดที่เล่นตามร้านอาหารโดยทั่วไปแน่นอน ซึ่งในหลายๆวงจะมีชุด Theme ของงานที่หลากหลายมากๆ เรียกว่าลงทุนกันทีเป็นหมื่นบาท เลยทีเดียว

ประสบการณ์และความรับผิดชอบของวง​

เมื่อสมัยเด็กๆ ผมได้เคยมีความคิดว่าเล่นดนตรีงานแต่งงานนั้นง่ายมากๆ ง่ายยิ่งกว่าเล่นตามร้านเสียอีก แต่เมื่อได้ผ่านการเป็นนักดนตรีงานแต่งงานมาร่วม 1,000 งาน ทำให้รู้เลยว่ามันเป็นการทำงานที่ง่ายแต่ต้องใช้ประสบการณ์ที่สูง และความรับผิดชอบที่หนักมาก ต้องคิดทุกอย่างให้รัดกุมที่สุดเพราะว่า นี่คืองานเพียงครั้งเดียวในชีวิตของลูกค้า และทุกอย่างจะต้องเนี้ยบแบบไร้ที่ติ ความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นต้องอยู่ที่ 0% เท่านั้น ทำให้วงดนตรีที่เล่นงานแต่งงานเป็นหลักหลายๆ วงจะมีการเตรียมพร้อมสำหรับงาน 1 งานค่อนข้างหนักมาก

การดิวงาน

การดิวงานถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการเป็นนักดนตรีงานแต่งงาน เพราะการที่จะไปสู่งานแต่งงานที่ตรงใจเจ้าของงานได้นั้น เราจะต้องทราบข้อมูลเชิงลึกถึงความต้องการ กลุ่มแขกในงาน สภาพเครื่องเสียง เพลงที่เป็น theme หลักต่างๆ Theme ชุด Theme สี ซึ่งโดยปกติแล้วต้องดิวกันหลายครั้งมากๆ กว่าจะลงตัว เพื่อที่จะให้งานออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด แต่ในการเล่นตามร้านโดยปกติแล้วจะดูกันแค่ครั้งแรกครั้งเดียว และที่เหลือนักดนตรีจะเล่นกันตามสะดวกชิวๆ กันต่อไป

ช่วงเวลาสแตนด์บาย​

โดยปกติแล้วนักดนตรีงานแต่งงานจะสแตนบายอยู่ที่งานราวๆ 4-5 ชั่วโมง ซึ่งต้องไปก่อนเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงเพื่อที่จะสแตนบายเผื่อรถติด ยิ่งถ้าเป็นงานต่างจังหวัดต้องสแตนบายก่อนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เพราะเหตุการณ์ต่างๆ สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น ทั้งปัญหารถติดหรือปัญหาหน้างานที่ถ้าหากถึงก่อนเวลา จะสามารถแก้ไขได้ทันท่วงทีมากกว่าเวลากระชั้นชิด และวงดนตรีจะต้องสแตนบายอยู่ในงาน ตลอดทุกช่วงตั้งแต่ช่วงพิธีการไปจนจบพิธีการและส่งแขกในช่วงท้าย ทำให้ช่วงเวลาสแตนบายของนักดนตรีงานแต่งงานจะมากกว่านักดนตรีอาชีพที่เล่นตามร้านทั่วไป

การเตรียมเครื่องมือ​

มีเหตุการณ์หลายครั้งมากๆที่เมื่อ นักดนตรีงานแต่งงานไปถึงข้างหน้างานแล้วพบว่า เครื่องเสียงที่จะต้องใช้เล่นนั้น ไม่สามารถใช้งานได้จริง ในด้านของให้วงดนตรีงานแต่งงานเล่น ซึ่งอาจเป็นเพียงเครื่องเสียงสำหรับเปิด cd หรือสำหรับ งานสัมมนาเท่านั้น ทำให้วงดนตรีงานแต่งงาน มืออาชีพมักจะพกเครื่องไม้เครื่องมือที่สามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ประมาณนึง ซึ่งเป็นการเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือที่มากกว่าการเล่นตามร้านโดยทั่วไป​ รถของนักดนตรีงานแต่งงานบางคนเป็นรถเครื่องเสียงเคลื่อนที่เลยทีเดียว พร้อมทำงานในทุกสถานการณ์

การมีสไตล์เฉพาะตัว

ถ้ามีนักดนตรีนักร้องที่มีความสามารถครบทุกด้าน ให้เลือก 10 วงคุณจะเลือก วงไหนครับ วงดนตรีที่รับเล่นงานแต่งงานนั้นมีเยอะมาก เรียกว่าในเมืองไทยมีหลายร้อยวงเลยทีเดียว แต่กลับมีวงดนตรีงานแต่งงานเพียงไม่กี่วงที่มีงานแน่น แทบทุกเดือนแม้จะเป็นเดือนที่โลว์ซีซั่นก็ตาม ทั้งๆที่วงดนตรีที่เก่งๆมีความสามารถครบก็มีหลายร้อยวงเช่นกัน​การมีสไตล์เฉพาะตัวที่เป็นจุดขายจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการซื้อของเจ้าของงาน ที่ในบางครั้ง แม้เป็นเพียงจุดเล็กๆ แต่กลับเป็นจุดที่เกิดการตัดสินใจที่สำคัญในการเลือกวงนั้นๆของเจ้าของงาน

นี่คือเหตุผลโดยหลักๆ ที่ทำให้ราคาของวงดนตรีงานแต่งงานหรือวงดนตรีงานอีเว้นนั้น ต้องมีราคาที่สูงกว่าวงดนตรีที่เล่นตามร้านโดยทั่วไป แต่กลับเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่วงดนตรีงานแต่งงานที่ราคาสูงนั้น มักจะมีคิวที่แน่นจนไม่สามารถมาเล่นที่ร้านได้เลยด้วยซ้ำ วงบางวงต้องลาร้านหลายๆเดือนเพราะมีคิวเล่นเป็นวงดนตรีงานแต่งงาน มากเสียกว่างานประจำเสียอีก บางครั้งถึงกับโดนล้อจากเจ้าของร้านว่า "วันนี้ท่านถึงกับมาด้วยตัวเองเลยหรอครับ" 555