และแล้วเราได้มาถึงตอนที่ได้ทำงานจริงกันสักที หลังจาก ตอนที่ 1 ที่ผ่านไปเราได้พูดถึงเรื่องจุดกำเนิดแรงบันดาลใจบวกกับการฝึกฝนอย่างหนักและค่าเล่าเรียนดนตรี นั้นมันมหาโหดขนาดไหน ซึ่งผมไม่แน่ใจว่า งานทางด้านอื่นต้องใช้ความทุ่มเท ทั้งแรงกายแรงใจและทุนทรัพย์มากมายขนาดนี้หรือเปล่า แต่สำหรับผมแล้ว มันคือการแลกกับช่วงเวลาวัยเด็กที่เพื่อนๆออกไปเที่ยวเล่นกัน มีแฟนกัน แต่เราสร้างความฝันอยู่ในห้องคนเดียวเป็นระยะเวลานานนับ 10 ปีถือว่าเป็นความทุ่มเทครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของผมเลยครับ

และเมื่อถึงเวลาทำงาน นักดนตรีทุกคนจะไม่มี Connection ครับ(ยกเว้นบางมหาลัยที่มีระบบ พี่ส่งงานให้น้อง ซึ่งดีมากครับสำหรับจุดเริ่มต้นของอาชีพ)​ นักดนตรีทุกคนจะเริ่มต้นจากการ เล่นดนตรีกลางคืน และหาร้านเล่นให้มากที่สุดเพื่อที่จะฝึกฝนตัวเอง บวกกับการหาเงินเพื่อเลี้ยงปากท้องในช่วงเริ่มแรกของการทำงาน ซึ่งหลายๆคนไม่ได้ขอเงินพ่อแม่แล้วและถึงเวลาใช้ชีวิตจริงๆสักที ความจริงแล้วมันเป็นเวลาที่น่ากลัวสำหรับ อาชีพนักดนตรีเลยครับเพราะว่า จากคำขู่ตั้งแต่สมัยเด็กมันทำให้ฝังใจว่าอาชีพอย่างเราไปไม่รอดแต่สุดท้ายแล้วกลับผิดคาดอย่างมหันต์ครับ​ สรุปแล้วคือมีงานให้พวกเราทำอย่างมากมาย มีการสร้างรายได้ที่หลากหลาย ยังไม่รวมไปจนถึงความสุขที่เราได้จากการทำงานในแต่ละวันถ้าหากมีวันไหนที่เกิดความทุกข์ขึ้นในใจหรืออารมณ์บ่จอยอย่างรุนแรง เมื่อใดที่ได้เล่นดนตรีหรือที่คนอื่นเขาเรียกว่าการทำงานนั้น มันถือเป็นการ Detox ดีท็อกซ์จิตใจได้ในทุกๆวัน แต่ความจริงก็มีอยู่คืออาชีพนักดนตรีนั้นไม่มั่นคง​ จะมีการเข้าออกของงานเป็นประจำอยู่เสมอ บางเดือนร้านที่เล่นประจำหายไป 3-4 ร้านเลยก็มี และเมื่อเรารู้ว่าความไม่มั่นคงนั่นแหละคือความมั่นคงเราจึงปรับตัวให้รู้จักความไม่มั่นคงในอาชีพและเราเองนั่นแหละที่จะทำให้อาชีพของเรามีความมั่นคง ซึ่งทำให้เราจัดสรรรายได้จากการทำงานอย่างเป็นสัดเป็นส่วนและรู้ว่า ตอนไหนควรรุกตอนไหนควรรับ บางเดือนเราทำงานกันอย่างหนัก แทบไม่ได้นอน(คนข้างนอกคงงงว่าเล่นดนตรี ยังไงถึงไม่ได้นอน มีงานดนตรีที่ทำทั้งวันทั้งคืนเลยเหรอ​ 555) มันมีครับงานดนตรีนั้นมีหลากหลายมาก ทำงานที่จัดสรรเวลาในการทำงานได้และงานที่ฟิกในช่วงเวลา​

ก่อนที่เราจะไปไกลกันมากกว่านี้เราขอกลับมาที่ประเด็นเดิมครับเพราะว่าจักรวาลนักดนตรีนั้น มีหลายมุมมองและหลายประสบการณ์มากครับแต่ว่าใน event นี้เราจะพูดถึง Event​ของ นักดนตรีงานแต่งงาน

ในช่วงแรกของการหางาน ของวงดนตรีงานแต่งงานนั้น ไม่มีทางเลยครับไม่มีใครที่ จะหาเราได้ว่าเราเล่นดนตรีงานแต่งงานด้วยเหมือนกัน สิ่งที่จะได้ก็คือเพื่อนเท่านั้น หรือถ้าหากว่าฟลุ๊คหน่อยก็คือ แขกที่มาดูที่ร้าน ที่เราเล่น ซึ่งร้านอาหารในกรุงเทพฯมีหลายร้อยร้าน และใน 1 ร้านก็มีวงดนตรีอยู่เป็น 10 วง ซึ่งแต่ละวงก็เก่งๆกันทั้งนั้นทำให้การได้งานของวงดนตรีในช่วงเริ่มแรก ถ้าไม่เจ๋งจริง ก็คือต้องถูกจริง หรือถ้าวงไหนใช้ Connection ก็คือต้อง Connection ดีจริง

ได้เราก็มาถึงในประเด็นแรกของ สาเหตุที่ราคาวงดนตรี ที่เล่นงานแต่งงานนั้นจึงมีราคาสูง อย่างแรกเลยคือ วงเหล่านั้นมีงานประจำในช่วงเวลานั่นๆอยู่แล้วครับ และการที่ วงดนตรีวงนึงจะลางานประจำเพื่อที่ไปรับอีกงานหนึ่งนั้นแน่นอนว่าจะต้องได้ราคาที่สูงกว่างานที่เล่นอยู่ที่ร้าน และต้องได้ราคาที่สูงกว่าเล่นที่ร้านประมาณ 1 เลยทีเดียวเพราะว่า จะต้องมีการหาวงมาแทนที่ร้านที่ มีความสามารถไม่แพ้กัน ซึ่งต้องใช้ทั้ง Connection ตัวเองและในบางวงอาจจะต้องเพิ่มเงินให้กับวงที่มาแทนเสียด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าหากใครอยากจะจ้างวงดนตรีที่ราคาถูกด้วยการจัดการตัวแปรของประเด็นนี้ คือให้หาวงที่อยู่ตามร้านที่ดูไม่น่าจะจ้างวงได้แพงครับ 555​ (อันนี้ล้อเล่นนะครับ เพราะการจะหาวงดนตรีดีๆในที่ที่เขาไม่น่าจะอยู่นั้นหาได้ยากครับ ซึ่งไม่ใช่ว่าจะไม่มีแต่เสียเวลาหามากครับ)​

และในส่วนต่อไป คือในส่วนของเสื้อผ้า​ แน่นอนว่าในงานแต่งงานของลูกค้าทุกคนคงไม่อยากให้นักดนตรี ขึ้นไปเล่นบนเวทีแบบไม่สวยงาม เป็นงาน Low Class อย่างแน่นอน วงดนตรีงานแต่งงานก็เข้าใจในจุดนี้ทุกวงครับ ในการไปงานแต่งงานของวงดนตรีงานแต่งงาน นั้นจะต้องมีการซื้อชุดในรูปแบบต่างๆเพื่อที่จะรองรับงานได้หลากหลาย ทั้งสไตล์ Theme สี ซึ่งในบางวงต้องจ่ายค่าชุดหมดไปร่วมหมื่นบาทต่อคน

ส่วนต่อไปที่ผมคิดว่ามีผลมาก กับนักดนตรีงานแต่งงานมืออาชีพนั่นก็คืออุปกรณ์ครับ ซึ่งนอกจากเครื่องดนตรีส่วนตัว ที่กีต้าร์ของบางคนราคาแสนกว่าบาท ต่อ 1 ตัว ไมโครโฟนบางคน ก็เป็นหมื่นบาท นอกจากอุปกรณ์ส่วนตัวพวกนี้แล้ว การไปเล่นดนตรีงานแต่งงานตามสถานที่ต่างๆที่พึ่ง เคยไปเป็นครั้งแรกหรือเคยไปแล้วแต่มีเหตุแอคซิเดน อย่างเช่นอุปกรณ์ของที่งานเสีย ชำรุด หรือไม่ได้ดิวเครื่องเสียงกับทางสถานที่ ทำให้ทางวงจะต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพราะว่างานแต่งงานของลูกค้ามีแค่ครั้งเดียวในชีวิต จะผิดพลาดแม้สักนิดก็ไม่ได้ ทางวงจึงต้องมีอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติมเพื่อที่จะ ทำให้งานสำเร็จลุล่วง และอุปกรณ์บางตัวจะมีราคาอยู่แค่ไม่กี่พันไปจนถึงหลักหมื่น แต่มีก็ถือว่าเป็นการลงทุน อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญครับที่ถ้าไม่ใช่นักดนตรีงานแต่งงานมืออาชีพก็จะไม่ทราบกัน

ช่วงเวลาสแตนด์บายภายในงาน​ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่สำคัญครับที่วงดนตรี ที่มีงานประจำอยู่แล้ว จะค่อนข้างคิดหนักในเรื่องช่วงเวลาสแตนด์บาย เพราะเมื่องานดนตรีคืออาชีพหลักแล้ว การใช้เวลา ให้เกิดมูลค่าสูงที่สุดจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆครับ อย่างเช่นช่วงเวลาสแตนบายภายในงานแต่งงานใช้เวลาร่วม 4 ชั่วโมง แทนที่นักดนตรีจะสามารถวิ่งเล่นร้านได้ 2-3 ร้านจะต้องสแตนบายอยู่ในงาน 1 งาน ทำให้ต้องชดเชยในส่วนที่สูญเสียไป ด้านรายได้ของงานประจำด้วยครับ

ส่วนต่อไปที่ผมรู้สึกว่าเป็นส่วนเล็กน้อยแต่กับบางคนที่เป็นนักดนตรีจริงๆ กลับเป็นเรื่องใหญ่มากๆครับ นั่นก็คือในส่วนของการดิวงาน ที่นักดนตรีบางคนนั้นแทบจะไม่ได้พูดคุยกับมนุษย์เลย เพราะทำการฝึกฝนดนตรีอย่างเดียวมาตั้งแต่เด็กจนโตทำให้เกิดความยากลำบากในการสื่อสาร ซึ่งถ้าหากลูกค้าอยาก ได้นักดนตรีเก่งๆมีสไตล์เฉพาะตัว นักดนตรีกลุ่มนี้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆครับ แต่แค่ต้องดิวงานกับเขาอย่าง ระมัดระวัง

และนี่คือเกร็ดความรู้ที่ เป็นข้อมูลให้ทุกท่านได้ทราบว่าทำไมนักดนตรีงานแต่งงานจึงมีราคาที่สูง ในสายตาของคนภายนอก แต่ความจริงแล้วกว่าจะมาเป็นนักดนตรีได้ ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างหนักเรียกว่าสูญเสียช่วงเวลาวัยเด็กจนถึงวัยรุ่นเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าการเล่นดนตรีเป็นสิ่งที่พวกเรามีความสุขที่จะได้ทำอยู่แล้วแต่ในเมื่อมันคืออาชีพ ผลตอบแทนก็เป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญไม่แพ้กันกับความสุขในการทำงาน รวมไปจนถึง รายจ่ายในส่วนต่างๆ ที่เราจะต้องจ่ายก่อนเพื่อที่จะไปทำงานให้กับ ลูกค้าทุกท่าน ทำให้เรามี เบื้องหลังค่าใช้จ่ายที่มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มเติมเพื่อที่จะให้เราได้ทำงานให้กับลูกค้าทุกท่าน ได้มีงานแต่งงานที่สวยงามสมบูรณ์แบบและจะเป็นที่จดจำ ของเพื่อนฝูงญาติพี่น้อง และเป็นวันที่สำคัญ ที่น่าจดจำตลอดชีวิตของ คน 2 คนครับ

อ่านต้นเรื่อง ตอนที่ 1